พิธีส่งวิญญาณ
ตอนที่ 1: คืนที่หีบศพเปิด
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยป่าเขียวขจีและตำนานลึกลับ, การค้นพบหีบศพโบราณในคฤหาสน์ร้างกลางป่าได้กลายเป็นเรื่องที่ชาวบ้านพูดถึงกันอย่างไม่ขาดสาย หีบศพที่เคลือบด้วยลวดลายที่ประณีตถูกพบว่ามีดอกไม้งานศพสีดำประดับอยู่รอบกาย สีดำของดอกไม้แทรกซึมไปด้วยความหมายลึกลับที่ไม่มีใครสามารถแปลได้
ความตื่นเต้นและความหวาดกลัวที่ปะปนกันนำพาให้ชาวบ้านตัดสินใจจัดพิธีกรรมส่งวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาหวังว่าการกระทำนี้จะช่วยปลดปล่อยวิญญาณที่อาจติดอยู่ภายในหีบศพ และนำความสงบสุขกลับคืนสู่หมู่บ้าน
ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง, ชาวบ้านรวมตัวกันที่คฤหาสน์ร้าง โดยแต่ละคนมีหน้าที่ต่างกันในพิธีกรรม บางคนจัดการดอกไม้งานศพสีดำ, บางคนจุดเทียนและธูป, ในขณะที่ผู้อาวุโสบางคนเตรียมตัวเพื่อทำพิธีสวดมนต์ อากาศเต็มไปด้วยความคาดหวังและความเคารพยิ่งนัก
ณ จุดสำคัญของพิธี, ฝาของหีบศพถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง ทุกคู่ตาต่างจับจ้องไปที่ภายใน คำถามที่วนเวียนอยู่ในใจของทุกคนคือ สิ่งใดกำลังรอพวกเขาอยู่ภายในหีบศพนั้น?
ตอนที่ 2: ลมหายใจของวิญญาณ
การเปิดหีบศพในคืนพระจันทร์เต็มดวงนั้นเผยให้เห็นไม่เพียงแต่ความว่างเปล่าที่คาดไม่ถึงเท่านั้น แต่ยังมีช่อดอกไม้งานศพสีดำที่วางอย่างมีนัยสำคัญภายใน ช่อดอกไม้ดูเหมือนจะไม่สัมผัสโดยเวลา ยังคงรักษาความสวยงามและสีสันสดใสเหมือนกับวันที่ถูกวางไว้
ชาวบ้านที่รวมตัวกันยืนอึ้งกับความว่างเปล่าและคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ผู้นำพิธีได้ก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือไปหยิบช่อดอกไม้ และเริ่มต้นพิธีส่งวิญญาณโดยใช้คำสวดและคาถาโบราณ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงัน ขณะที่เสียงของผู้นำพิธีก้องกังวานไปทั่วป่าเขียวขจีที่ล้อมรอบคฤหาสน์
จู่ๆ ลมเย็นเริ่มพัดผ่าน พัดให้เปลวเทียนและเครื่องบูชาสั่นไหว บางคนเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่คลายลง และเสียงกระซิบเบาๆ เริ่มดังขึ้นราวกับมีวิญญาณที่ไม่ได้มาเพื่อทำร้าย แต่มาเพื่อหาความสงบ
ความรู้สึกของการเชื่อมต่อกับอดีตและวิญญาณที่อาจติดอยู่ได้ถูกปลุกขึ้นในใจของชาวบ้านทุกคน พวกเขาเริ่มรู้สึกถึกว่าพิธีกรรมนี้ไม่เพียงแค่เป็นการส่งวิญญาณ แต่ยังเป็นการรับฟังและเรียนรู้จากผู้ที่จากไปแล้ว
ค่ำคืนนั้น พิธีกรรมส่งวิญญาณไม่เพียงแต่เป็นการปลดปล่อยสำหรับวิญญาณที่ติดอยู่ในหีบศพเท่านั้น แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงระหว่างชาวบ้านและประวัติศาสตร์
ตอนที่ 3: วิญญาณที่ปลดปล่อย
เมื่อฝาหีบศพเปิดออก, ชาวบ้านต่างหยุดหายใจชั่วขณะ เพราะแทนที่จะเผชิญหน้ากับวิญญาณที่เคียดแค้นหรือความว่างเปล่าที่น่าสะพรึง, พวกเขากลับพบกับช่อดอกไม้งานศพสีดำที่ถูกวางอย่างประณีตภายในหีบ ดอกไม้เหล่านี้, แม้จะเป็นสีสันแห่งการจากไป, แต่กลับส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เต็มไปด้วยความสงบ
ผู้นำพิธีกรรม, ผู้มีความรู้และประสบการณ์ในประเพณีโบราณของหมู่บ้าน, ได้ตีความช่อดอกไม้เหล่านี้ว่าเป็นสัญญาณแห่งการปลดปล่อยวิญญาณด้วยความสงบสุข ไม่มีคำสาปหรือความโกรธเกรี้ยวติดอยู่กับหีบศพนี้ แต่เป็นความปรารถนาให้วิญญาณได้เดินทางไปยังสวรรค์อย่างสงบ
ในความเงียบงัน, ชาวบ้านเริ่มร้องเพลงพิธีที่มีทำนองเศร้าสลด แต่เต็มไปด้วยความหวังและการยอมรับ พวกเขาหนึ่งหลังจากอีกหนึ่ง, ได้เดินผ่านหีบศพ วางดอกไม้สดที่พวกเขานำมาจากบ้านเป็นการแสดงความเคารพต่อวิญญาณที่จากไปและสนับสนุนให้เดินทางไปอย่างสงบ
เมื่อพิธีกรรมสิ้นสุดลง, บรรยากาศแห่งความสงบได้ปกคลุมหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างรู้สึกถึงความโล่งใจและความอบอุ่นในใจ พวกเขาเชื่อว่าวิญญาณที่เคยติดอยู่ได้รับการปลดปล่อยและหมู่บ้านของพวกเขาก็ได้รับการปกป้องจากความรักและความเคารพที่พวกเขาแสดงออก